แปลเพลง That’s So True – Gracie Abrams
เพลงนี้พูดถึงความสัมพันธ์รักที่เพิ่งจบไปแบบมีบาดแผล และอีกฝ่ายก็เดินหน้าต่อกับคนใหม่ เพลงดูเหมือนจะเศร้าแต่กลับแอบปะปนความขำขันเหน็บแนมเบา ๆ ทำให้แต่ละบรรทัดเต็มไปด้วยอารมณ์จริงใจปนประชดนิด ๆ
I could go and read your mind
Think about your dumb face all the time
Living in your glass house, I’m outside, uh
ฉันคงเข้าไปอ่านใจเธอได้
เอาแต่คิดถึงใบหน้าแบบนั้นของเธออยู่ตลอด
ในขณะที่เธอใช้ชีวิตในโลกของเธอ ฉันเลยอยู่แค่ข้างนอก
สังเกต ‘I could go and read your mind’ ใช้ could ที่มักแปลว่า “สามารถ” ในเชิงความเป็นไปได้ (possibility) หรือความสุภาพ เวลาต้องการสมมติเหตุการณ์ก็ใช้ could แบบนี้ เช่น I could help you = ฉันพอจะช่วยเธอได้นะ (ถ้าจะช่วย)
Looking into big blue eyes
Did it just to hurt me, make me cry
Smiling through it all, yeah, that’s my life
จ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น
เธอทำทั้งหมดนั่นก็แค่เพื่อทำร้ายฉัน ทำให้ฉันร้องไห้
แต่ฉันกลับต้องฝืนยิ้มผ่านทุกอย่าง — นั่นมันชีวิตของฉันเลย
‘Did it just to hurt me’ ใช้ did ที่ขึ้นต้นประโยคในภาษาอังกฤษเพื่อเน้น หรือพูดถึงเหตุการณ์ซ้ำ (emphasis) เช่น ‘Did it just to…’ = ก็แค่ทำเพื่อจะ…
You’re an idiot, now I’m sure
Now I’m positive, I should go and warn her
เธอนี่มัน… โง่ชะมัด ตอนนี้ฉันยิ่งแน่ใจ
ตอนนี้มั่นใจสุด ๆ เลยว่าควรเตือนเธอคนนั้น
คำว่า ‘positive’ ในที่นี้ไม่ใช่ “บวก” แต่หมายถึง “มั่นใจมาก” เหมือน very sure
Ooh, bet you’re thinking, “She’s so cool”
Kicking back on your couch, making eyes from across the room
เดาเลยว่าในหัวเธอตอนนี้คิดว่า “เธอคนนั้นเท่ดีนะ”
นั่งสบาย ๆ บนโซฟา แล้วก็ส่งสายตาหว่านเสน่ห์ไปไกล ๆ ทั่วห้อง
‘bet you’re thinking’ เป็นวลีสนุก ๆ ที่เอาไว้เดาการกระทำหรือความคิดของอีกฝ่าย ‘making eyes’ คืออิริยาบถส่งสายตาแบบแอบเจ้าชู้
Wait, I think I’ve been there too
เดี๋ยวนะ… ฉันก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อนเหมือนกัน
‘I’ve been there’ = ฉันเคยอยู่ตรงนั้น/เคยรู้สึกแบบนั้นแบบเดียวกับเธอ จัดเป็น present perfect ที่ใช้บอกประสบการณ์
What’d she do to get you off? (Uh-huh)
Taking down her hair like, oh, my God
Taking off your shirt, I did that once Or twice, uh
เธอคนนั้นต้องทำอะไรถึงจะโดนใจเธอขนาดนั้น?
เธอปล่อยผมให้สยายออกแบบนั้น โอ้มายก็อด
ถอดเสื้อเธอออก ฉันเองก็เคยทำแบบนั้นนะ ครั้งหนึ่ง…หรือสองครั้ง
No, I know, I know I’ll fuck off (uh-huh)
But I think I like her, she’s so fun
Wait, I think I hate her, I’m not that evolved
โอเค ฉันรู้ ฉันควรจะไปให้พ้น
แต่ก็อดชอบเธอคนนั้นไม่ได้เลย ดูน่าสนุกดี
แต่เดี๋ยวก่อน ฉันอาจจะเกลียดเธอก็ได้ ฉันไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้นหรอก
“I’m not that evolved” ไม่ได้แปลว่า “วิวัฒนาการ” จริง ๆ หมายถึง “ฉันก็ยังไม่เจ๋งหรือใจกว้างถึงขนาดจะไม่หึงหวงหรอก”
I’m sorry she’s missing it, sad, sad boy
Not my business, but I had to warn ya
ขอโทษนะ ที่เธอคนนั้นพลาดอะไรไป
นายมันเด็กเศร้า ไม่ใช่ธุระของฉันหรอก…แต่ก็อดเตือนไม่ได้
‘Not my business’ หมายถึง “มันไม่ใช่เรื่องของฉัน” เป็นวลีที่ใช้กันเยอะเวลาจะบอกว่าไม่ได้อยากยุ่งแต่ก็อดพูดไม่ได้
Ooh, bet you’re thinking, “She’s so cool”
Kicking back on your couch, making eyes from across the room
เดาเลยว่าตอนนี้ในหัวเธอคงคิดอยู่ว่า “ผู้หญิงคนนั้นเจ๋งจัง”
นั่งเอกเขนกบนโซฟา ส่งสายตาหว่านเสน่ห์เต็มที่
Wait, I think I’ve been there too
เดี๋ยวนะ ฉันเองก็เคยผ่านตรงนั้นเหมือนกัน
Ooh, you’ve got me thinking, “She’s so cool”
But I know what I know and you’re just another dude
ตอนนี้นายทำให้ฉันเองยังคิดว่า “เธอคนนั้นเจ๋งดี”
แต่ในใจฉันก็รู้ดีว่านายก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง
‘You’re just another dude’ ใช้ just another + คำนาม เพื่อเน้นว่าธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ เช่น “just another guy”
Ooh, that’s so true
โอ้ จริงเลยล่ะ
Made it out alive, but I think I lost it
Said that I was fine, said it from the coffin
ฉันผ่านมาได้แบบแทบไม่รอด แต่ก็เหมือนสูญเสียอะไรไป
ปากก็บอกว่าฉันโอเคนะ ทั้งที่พูดออกมาจากในโลงศพ
‘Said it from the coffin’ เป็นอุปมา เปรียบว่ายังไม่ไหวเลยแต่แกล้งทำเป็นโอเค เวลาใช้ภาษาอังกฤษ ถ้าเราพูดว่า ‘from the coffin’ จะสร้างภาพสถานการณ์แบบตลกร้าย
Remember how I died when you started walking?
ยังจำได้ไหม ฉันแทบตายตอนเห็นเธอเดินจากไป
That’s my life, that’s my life
นั่นแหละ คือชีวิตของฉัน
I’ll put up a fight, taking out my earrings
Don’t you know the vibe? Don’t you know the feeling?
ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ถอดต่างหูเตรียมพร้อม (ประมาณพร้อมสู้แล้ว)
ไม่เข้าใจฟีลบ้างเลยเหรอ? ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้บ้างเลยเหรอ?
‘Put up a fight’ = “ไม่ยอมง่าย ๆ”
You should spend the night, catch me on your ceiling
That’s your prize, that’s your prize
บางทีนายควรจะอยู่ด้วยทั้งคืนซะเลย เผื่อจะเห็นฉันอยู่ในความคิดตลอด
นั่นแหละ รางวัลของนายเลย
‘Catch me on your ceiling’ เป็นภาพอุปมาอีก ตรง ๆ คือ “เห็นฉันอยู่บนเพดาน” ความหมายจริง ๆ คือเห็นฉันในใจหรือในฝันจนติดตา
Well
เอ่อ…
Mm, bet you’re thinking, “She’s so cool”
Kicking back on your couch, making eyes from across the room
ทายเลยว่าตอนนี้นายคงยังคิดว่า “เธอคนนั้นเท่จัง”
นั่งชิลล์ ๆ บนโซฟา ส่งสายตาหว่านเสน่ห์ไปทั่ว
Wait, I think I’ve been there too
เดี๋ยวนะ ฉันก็เคยอยู่ตรงนี้เหมือนกัน
Ooh, you’ve got me thinking, “She’s so cool”
ตอนนี้นายทำให้ฉันเองยังอดคิดไม่ได้ว่า “เธอคนนั้นดูเจ๋งมาก”
But I know what I know and you’re just another dude
Ooh, that’s so true, ooh, oh
แต่ในใจฉันก็ยังรู้ดีว่านายก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา
นั่นแหละ จริงเลย
Hi! I’m Seai (people call me Dem as well). I am a translator and in love with coding (and yes, I’m a programmer). I’m studying computer things. I’m in love (deeply) with music. I feel like understanding the songs makes them more beautiful. My thing here is to deliver the true meaning of songs’ lyrics and express it in a way we could feel and understand together.