แปลเพลง Magnets – Disclosure ft. Lorde

Magnets – Disclosure ft. Lorde

ใครจ้างพ่อฉันไปเล่นเอ็มวีคู่กับแฟนฉันน่ะฮะ?!
(นั่นใช่ริชาร์ด อาร์มิเทจซะที่ไหนเล่า—–แล้วลอร์ดก็ไม่ใช่แฟนนายด้วย
เธอมีแฟนแล้วนะ! เปิดพจนานุกรมหาคำว่า 

hallucinate

ซะบ้างนะนาย

)

แปลว่าไรฟระ?

(

มโนไง!)

Never really felt bad about it
As we drank deep from a lie
‘Cause I felt melting magnets, babe
The second I saw you through half-shut eyes

ไม่เคยรู้สึกผิดเลยด้วยซ้ำ
ในยามที่เราดื่มด่ำลงไปในถ้อยคำหลอกลวง
เพราะที่รัก ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแม่เหล็กที่หลอมละลายและถูกกลืนกินเข้าไป
ในยามที่ฉันเห็นเธอผ่านเปลือกตาที่ปรือลงนี้

Smoke and sunset, off Mulholland
He was talking, I was wondering ’bout
You and that girl, she your girlfriend?
Face from heaven, bet the world she don’t know

ควันไฟและแสงตะวันที่ลับตา ท่องไปบนนถนน Mulholland แห่ง Los Angeles
เขากำลังพูดอยู่ ฉันล่ะสงสัยจังว่า
คุณกับผู้หญิงคนนั้น เธอเป็นแฟนคุณหรอ?
โอ้ เธอสวยอย่างกับนางฟ้าเลยนะ แต่คนดี เธอไม่รู้หรอกน่า

Pretty girls don’t know the things that I know
Walk my way, I’ll share the things that she won’t

แม่สาวน้อยน่ารักนั่นไม่รู้ในสิ่งที่ฉันรู้หรอก
เดินตรงเข้าไป ฉันจะร่วมกันใช้ในสิ่งที่เธอจะไม่มีวันแบ่ง

Uh-oh, dancin’ past the point of no return
Let go, we can free ourselves of all we’ve learned
I love this secret language that we’re speaking
Say it to me, let’s embrace the point of no return
Let’s embrace the point of no return
Let’s embrace the point of no return

โอ เราน่ะเลยจุดที่เรียกว่า "หันหลังกลับ" มาแล้วล่ะ
มาเถอะ ปลดปล่อยตัวตนของเราจากบทเรียนที่ผ่านมากัน
ที่รัก ฉันรักถ้อยคำแห่งความลับที่เรากระซิบกระซาบคุยกัน
พูดกับฉันสิ โอบกอดจุดที่ไม่มีทางหันกลับกัน
โอบกอดมัน โอบกอดจุดที่เราถลำลึกเข้ามาเกินกว่าจะหันกลับไว้สิ

Never really thought we would make it
We be thinking about what could have been
But we’ve had a record summer, can’t turn it down, oh
Now I don’t wanna see the end begin

ไม่เคยคิดเลยว่าเราจะทำแบบนี้
คุณกับฉันต่างก็คิดถึงสิ่งที่มันน่าจะเป็นมาตลอด
แต่มันก็เหมือนความรักในช่วงฤดูร้อนที่
วาบหวาม อันตราย แต่ในขณะเดียวกันก็เร่าร้อนและ
ไม่อาจจะปฏิเสธได้
และตอนนี้ฉันก็ไม่อยากจะเห็นจุดจบนั้นเกิดขึ้นเลย

Smoke and sunset, off Mulholland
He was talking, I was wondering ’bout
You and that girl, she your girlfriend?
Face from heaven, bet the world she don’t know

กลุ่มควันและดวงตะวันที่ลับขอบฟ้า ท่องไปมาบนนถนน Mulholland แห่ง Los Angeles
เขากำลังพูดอะไรบางอย่าง ฉันล่ะสงสัยจังว่า
คุณกับผู้หญิงคนนั้น แฟนคุณหรอ?
โอ้ เธอสวยเช้งเลยนะ แต่ที่รัก พนันได้เลยว่าเธอไม่รู้หรอก

Pretty girls don’t know the things that I know
Walk my way, I’ll share the things that she won’t

สาวสวยคนนั้นเธอไม่รู้ในสิ่งที่ฉันรู้หรอก
เดินตรงเข้าไปหาคุณ ขอแบ่งสิ่งที่เธอไม่มีวันจะแบ่งหน่อยนะ!

Uh-oh, dancin’ past the point of no return
Let go, we can free ourselves of all we’ve learned
I love this secret language that we’re speaking
Say it to me, let’s embrace the point of no return
Let’s embrace the point of no return
Let’s embrace the point of no return
Let’s embrace the point of no return
Let’s embrace the point of no return

อ๊ะ โอ…เต้นเร่าเมื่อถึงฝั่งฝัน*
เถอะนะที่รัก ปล่อยมันออกมา ปลดปล่อยตัวเราจากสิ่งที่เราเคยรู้
ฉันล่ะรักภาษาลับๆที่เราพูดกันนี้จังเลย
บรรเลงภาษารักลับๆ นี่กับฉันสิ โอบกอดความรู้สึกนี้เอาไว้
โอบกอดความรู้สึกสุขสมจนท่วมท้นของเราไว้สิ
โอบกอดมัน โอบกอดความรู้สึกนั้นเอาไว้

(Let’s embarce the point of no return)
(Let’s embrace the point of no return)

โอบกอดจุดที่ไม่มีทางหันกลับกัน
โอบกอดมัน โอบกอดจุดที่เราถลำลึกเข้ามาเกินกว่าจะหันกลับไว้สิ

Interpretation: Magnets – Disclosure ft. Lorde

เคยมีเพลงที่นายฟังครั้งแรกแล้วรู้เลยว่าจะหยุดฟังไม่ได้มั๊ย?
ยินดีต้อนรับเข้าสู่วังวนแห่งราชินีของฉัน–Lorde!
คำว่า
The point of no return นอกจากจะแปลว่า "
จุดที่ไม่มีทางหันหลังกลับแล้ว" ในภาษาอังกฤษมันยังแปลอ้อมๆ ให้สุภาพนุ่มนวลชวนรื่นหูจากคำว่า "
เซ็กซ์" หรือ "
รัก" ในความสัมพันธ์ได้ด้วยนะ ดูจาก
secret language ในบรรทัดที่สามได้เลย—-ซึ่งไม่ต้องเป็นเชอร์ล็อคมาอุปมาอุปไมยก็รู้เลยว่ามันแปลว่าภาษาลับๆ
ที่คู่รักมักจะใช้คุยกันสองคน (จะในโอกาสไหนขอไม่กล่าวถึงนะ!) นั่นเอง!
ฉันบอกเลยว่าไม่มีเอ็มวีไหนที่จะทำให้ฉันอ้าปากค้างมานานแล้ว—-สุดยอดจริงๆ—-
ดูสายตาคู่นั้นสิ!!